เรื่องโดย Kafaak (@Kafaak)
นักเขียนอิสระนิตยสารต่างๆ อาทิ PC Today, PC World, On Mobile และ Blogger ด้านมือถือชื่อดัง http://kafaak.wordpress.com
สังคมออนไลน์ แม้ว่าจะอยู่ในโลกดิจิตอลที่มีแค่ 0 และ 1 แต่ก็มีคุณลักษณะ คล้ายคลึงกับสังคมในโลกแห่งความเป็นจริงอยู่หลายประการ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังตัวตนบนโลกดิจิตอลเหล่านั้น สุดท้ายแล้วก็ยังเป็นปุถุชนคนธรรมดาอยู่ (แม้ว่าหลายๆ คนอาจไม่ใช่คนธรรมดา) ดังนั้น แนวคิดด้านพฤติกรรมศาสตร์ และจิตวิทยาสังคม จึงสามารถถูกนำมาประยุกต์ใช้ เพื่ออธิบายถึงปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกของสังคมออนไลน์ได้ ซึ่งผมเองก็ขอหยิบยกเอาปรากฏการณ์ต่างๆ เหล่านี้มาเล่าสู่กันอ่าน ให้ผู้อ่านบล็อกของผมได้ทราบกัน จนถึงตอนนี้ก็เป็นตอนที่สามแล้ว
ในตอนที่สามนี้ ผมได้แรงบันดาลใจมาจากบล็อกของท่านอาจารย์ที่ผมเคารพยิ่งท่านหนึ่ง คือ รองศาสตราจารย์ สิทธิโชค วรานุสันติกูล ซึ่งท่านได้เขียนเอาไว้คือ “Basking in the Reflected Glory of Others (BIRG) : ปรากฏการณ์ขอเกาะกระแสคนดัง“
แรงบันดาลใจของผม มาจากตอนที่อาจารย์พูดถึงปรากฏการณ์ที่นักจิตวิทยาสังคม คือ Robert B. Cialdini และคณะ ได้ทำการทดลองภาคสนามเอาไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1976 โดยได้ให้ผู้ช่วยของเขาไปยืนตามบริเวณต่างๆ ในมหาวิทยาลัย ในวันรุ่งขึ้นหลังการแข่งขันอเมริกันฟุตบอล ของทีมมหาวิทยาลัยของตนเอง
ทำไมถึงทำอย่างนั้น?
Cialdini ให้ผู้ช่วยของเขาบันทึกการแต่งกายของนักศึกษา โดยดูว่าจะมีการแต่งกายเพื่อที่แสดงว่ามีความเกี่ยวพันเกี่ยวข้องกับทีม หรือมหาวิทยาลัยหรือไม่ เช่น ใส่เสื้อทีม ใช้ของใช้ต่างๆ ที่มีโลโก้มหาวิทยาลัย โลโก้ทีม หรือตัว Mascot (สัตว์นำโชค)
ผลการทดลองพบว่า หากทีมชองมหาวิทยาลัยชนะ วันรุ่งขึ้นนักศึกษาจะแต่งกาย และใช้ของใช้ที่บ่งบอกถึงทีมมากกว่าเมื่อเทียบกับกรณีที่ทีมแพ้ นอกจากนี้ หากไปสอบถามนักศึกษาว่าผลการแข่งขันเป็นอย่างไร หากทีมชนะพวกเชามักตอบว่า We won (พวกเราชนะ) แต่หากทีมแพ้ นักศึกษามักตอบว่า They lost (พวกเขาแพ้)
อาจารย์สิทธิโชค กล่าวในบล็อกว่า “ซิอัลดินีสรุปผลการทดลองภาคสนามนี้ว่า คนเราต้องการที่จะได้รับการยอมรับจากคนอื่น ถ้าหากว่าตนเองทำไม่ได้ก็จะใช้วิธีการพ่วงเข้าไปกับกลุ่มคนที่ได้รับชัยชนะหรือประสพความสำเร็จ”
ผมอ่านบล็อกของอาจารย์จนจบ แล้วก็กลับมานั่งนึกๆ ดู (หม่ำชุด Whopper เพิ่มชีสและเบคอนไปพลางๆ) ว่า มันคุ้นๆ ปรากฏการณ์ทำนองนี้บนโลกสังคมออนไลน์ไหม แล้วผมก็พบว่า มันมีความคล้ายคลึงกัน แต่ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว
มนุษย์เราเป็นสัตว์สังคมครับ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะมีความต้องการที่จะเป็นที่ยอมรับของคนอื่น หรือมีความสัมพันธ์กับผู้อื่น ทฤษฎีทางจิตวิทยาเกี่ยวกับความต้องการ (Needs) หลายต่อหลายทฤษฏีก็มีพูดถึงเยอะครับ เช่น ความต้องการลำดับขั้นของ Abraham Maslow, Learned Needs ของ David McClelland เป็นต้น
บนโลกของสังคมออนไลน์ นี่ก็มีปรากฏการณ์ที่คล้ายๆ คลึงกันนี้เหมือนกันนะครับ โดยจะมาในรูปแบบ …
- หลายๆ คนเลือกที่จะเป็น Follower (กรณีที่เป็น Twitter) หรือ Friend (กรณีที่เป็น Facebook) ของเหล่าดาราหรือผู้มีชื่อเสียง (ที่เรียกว่า Celebrity)
- และหากเป็นไปได้ ถ้าเกิด Celebrity เหล่านั้นมาเป็น Follower (หมายถึงมาติดตามข้อความที่เราโพสต์บน Twitter) หรือ Friend (กรณีของ Facebook) จริงๆ ขึ้นมาละก็ แหม ยิ่งดีเลยทีเดียว
- พอมีเรื่องราวที่เป็นกระแสขึ้นมา ก็อยากจะเข้ามามีส่วนร่วมด้วย … แต่ตรงนี้ต้องแยกแยะให้ชัดเจนก่อนครับ หลายคนมีเจตนาที่จะร่วมแบ่งปันจริงๆ คนพวกนี้จะแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน แต่ก็มีอีกหลายคนที่ขอแค่ให้มีชื่อโผล่ ดังนั้นข้อมูลที่ได้จากคนเหล่านี้จะไม่ค่อยมีสาระสำคัญอะไรมากนัก (ก็เขาต้องการแค่ชื่อของตัวเองติดโผว่าได้มาเอี่ยวเรื่องนี้บ้างเท่านั้นเอง)
บางท่านอาจจะคิดว่ามีพวกคนดัง หรือเกาะกระแสที่กำลังเป็นข่าวแล้วจะได้อะไร?
ในกรณีที่หากมีคนดังมาติดตามเราด้วยแล้ว เช่น เป็น Follower ในบริการ Twitter ของเรา อื่นใดเลยในรายชื่อของ Follower เราก็จะมีชื่อของเหล่า Celebrity เหล่านั้นไว้โชว์โก้ๆ แน่นอน และหากมีเยอะคนอื่นๆ ก็จะคิดแน่ๆ ว่าไอ้หมอนี่มีอะไรดี … โดยเฉพาะหาก Celebrity ที่ดังๆ คนนั้นไม่ค่อยได้ติดตามใครยิ่งทำให้เกิดชวนให้สงสัยมากขึ้นไปอีก
นอกจากนี้ หากเขามาติดตามเราแล้วมีการเอ่ยถึงเราด้วย หรือเอาข้อความที่เราโพสต์ไปพูดต่อ ยิ่งกระตุ้นให้คนอื่นๆ ที่ติดตามเหล่า Celebrity เหล่านี้อยู่ต้องมาคิดซ้ำว่า เอ๊ะ! หมอนี่มีดีอะไร และอาจลงเอยด้วยการที่เราจะได้ผู้คนมาติดตามมากขึ้นด้วย
ถามว่าได้ผลจริงไหม … ไม่มากก็น้อยละครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นอยู่ที่วิจารณญาณของเหล่าผู้ติดตามคนดังเหล่านั้นด้วยว่าเลือกติดตามคนอื่นด้วยเหตุผลอะไร แต่คิดแบบง่ายๆ สมมติว่า Justin Bieber (คนนี้ดังมาก มีผู้ติดตามใน Twitter อยู่ราวๆ 6 ล้านกว่าคน) พูดถึงเรา แล้วมี Follower เขาราวๆ 0.1% เลือกที่จะติดตามเราด้วย (เพราะคิดว่าไอ้เราต้องมีอะไรดี ไม่งั้นเขาคงไม่พูดถึงเรา) นั่นก็ 6,000 คนแล้วนะนั่น ผมเล่น Twitter มาสองปี ยังมีคนติดตามไม่ถึง 3 พันเลย ฮาฮา
แต่ถึงจะได้ผลดีก็เถอะครับ อยากบอกว่าในความเป็นจริงแล้ว การที่มีคนมาสนอกสนใจเรามากขึ้น หลังจากที่ไปเกาะติดคนดัง ไปเกาะติดกระแสเด่นประเด็นร้อน มันยั่งยืนไหม? สุดท้ายแล้วมันก็แค่ช่วยให้เรารู้สึกว่าเราเป็นที่ได้รับการยอมรับ หรือก็คือ ตอบสนองต่อความต้องการทางจิตใจ (Psychological Needs) ของเราได้ แต่ตัวเราก็ยังคงเป็นตัวเราเองอยู่ดังเดิม ซึ่งหากไม่มีการเปลี่ยนแปลง ท้ายที่สุดแล้วคนที่บ่มิไก๊ ก็ยังบ่มิไก๊อยู่ดีครับ อยากให้พึงระลึกถึงตรงนี้เอาไว้ด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น